สารจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น




นายอนาวิล จิรธรรมศิริ
ประธานกรรมการบริหาร

ปี 2565 กลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ได้ก้าวผ่านความท้าทายจากผลกระทบของวิกฤตการณ์ Covid-19 ที่ยังมีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ มาได้อย่างน่าภาคภูมิใจ โดยสามารถสร้างผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างโดดเด่นมีกำไรสุทธิสูงถึง1,165.74 ล้านบาท และมียอด EBITDA สูงถึง 1,479.38 ล้านบาท จากการกำหนดกลยุทธ์ในธุรกิจพลังงานให้สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี และปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อนำกลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ขึ้นสู่เป้าหมายสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงได้ในทุกสถานการณ์และสิ่งแวดล้อม

ผลการดำเนินงานในปี 2565 ของกลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) เป็นปีทีสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของการลงทุนในบริษัทย่อยซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจพลังงานในต่างประเทศซึ่งเกิดผลกําไรจากการลงทุนและรับรู้ในปี 2565 กว่า 1,425 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการต่อยอดการลงทุนในระบบผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยเพิ่มเติมในช่วงที่ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น โดยใช้ความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ ที่มีประสบการณ์การลงทุนและพัฒนาโครงการไฟฟ้ากว่า 10 ปี มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีความพร้อมในด้านของแหล่งเงินทุน เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้เติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรทางการค้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ส่งผลให้กลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ได้รับโอกาสจากพันธมิตรทางการค้าในหลากหลายธุรกิจ โดยได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PPA และ สัญญา EPC โดย ณ สิ้นปี 2565 กลุ่มบริษัทย่อยมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เชื่อมต่อสายส่งเพื่อขายไฟในเชิงพาณิชย์แล้วรวม 30.65 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 150 เมกะวัตต์ ในปี 2566 นอกจากนั้น ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่าง การพัฒนาทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการในประเทศออสเตรเลีย

สำหรับธุรกิจเหล็กได้ขยายตัวสอดคล้องกับความต้องการเหล็กในตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มฟื้นตัวของภาคธุรกิจในประเทศไทยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้ง บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ยังเพิ่มหน่วยธุรกิจใหม่ที่เป็นการซื้อขายสินค้าเกี่ยวกับเหล็กทั้งในและต่างประเทศจากการใช้ความความรู้และความเชี่ยวขาญจากการอยู่ในธุรกิจเหล็กมามากกว่า 20 ปี ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจเหล็กสร้างผลกำไรส่วนเพิ่มจากหน่วยธุรกิจใหม่นี้ ส่วนการผลิตเหล็กตามคำสั่งซื้อ ซึ่งบริษัท เซาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ได้มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตและเพิ่มผลิตภัณฑ์เหล็กใหม่ๆ ตั้งแต่ปี 2564 ส่งผลให้ในปี 2565 ได้รับคำสั่งการผลิตเพิ่มมากขึ้นทั้งในส่วนของปริมาณการผลิตและประเภทของสินค้าซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์เหล็กสำเร็จรูปด้วย และเริ่มกลับมาสร้างผลกำไรสุทธิด้านธุรกิจเหมืองขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัสซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ ถือเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนไม่มากในเครื่องขุดเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ และเป็นธุรกิจที่สร้างโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว

ในปี 2566 กลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ยังคงมุ่งมั่น คัดสรรสิ่งที่ดี และคุ้มค่าต่อการลงทุนแก่ผู้ถือหุ้นทุกท่านโดยมีแผนดำเนินงานเพิ่มการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและในต่างประเทศที่ยังได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง โดยในตลาดต่างประเทศ ยังคงให้ความสำคัญกับประเทศที่มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนในระดับสูง ทั้งประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ส่วนตลาดในประเทศยังคงมุ่งใช้ทักษะความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างรายได้และผลกำไรให้เติบโตมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทบริหารงานให้ธุรกิจเหล็กเติบโตอย่างมั่นคง และแข็งแกร่ง นอกจากนั้น ยังมุ่งหาโอกาสและพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจ และการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกท่าน

สุดท้ายนี้ กลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ร่วมทุน คู่ค้า คู่ธุรกิจ ลูกค้า และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศที่สนับสนุนการดำเนินงานด้วยดีตลอดมา รวมทั้ง พนักงานที่ทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยกลุ่มบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ขอให้คำมั่นว่าจะดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดที่จะสร้างความยั่งยืนสู่ธุรกิจ ด้วยการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพโปร่งใส ยึดหลักธรรมมาภิบาลที่ดี และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน และตระหนักถึงพันธกิจในอันที่จะนำพากลุ่มบริษัทไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งปณิธานไว้ได้